วันอาทิตย์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2558

ยาแก้ช้ำใน


วันนี้เราว่ามาด้วยเรื่องของ ยาแก้ช้ำใน
.
"อาการช้ำในเจ็บอก" เวลาที่เราโดนอะไรกระแทกแรงๆ โดยเฉพาะเวลาที่เรารถล้ม ตกจากบันได หรือโดนของแข็งฟาดเข้าไปอย่างแรง จัดเป็นเรื่องอันตรายที่เราไม่ควรมองข้าม บางคนพอเกิดอาการช้ำในขึ้นมาก็ไม่ยอมไปหาหมอเพื่อให้หมอดูอาการหรือ X-ray เพราะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่ที่ไหนได้ผ่านไปไม่กี่วันก็เกิดเสียชีวิตกันไปก็มีไม่น้อย ดังนั้นใครที่มีอาการช้ำในที่เกิดจากอุบัติเหตุต้องระวังเป็นพิเศษ
.
เราทั้งหลายอาจเคยได้ยินมาว่า ถ้าช้ำใน ก็ให้ไปกินน้ำใบบัวบก จะช่วยได้
วันนี้เราจะ มานำเสนอ สูตร ยาแก้ช้ำ ที่พ่อเอียะได้ใช้รักษาอยู่เป็นประจำ สำหรับผู้ที่ มีอาการช้ำในต่างๆ เช่นรถล้ม หกล้ม แล้วมาหาพ่อเอียะ
โดย มีตัวยาดังต่อไปนี้
.
ส่วนประกอบ : มีดังนี้
๑.รากและต้นทองพันชั่ง 1/2 กำมือ
๒.แก่นฝางเสน 3-4 ชิ้น
๓.อ้อยแดง ให้ความหวาน ถ้าไม่มี ให้น้ำตาลทรายแดงก็ได้เช่นกัน ถ้าเป็นอ้อยก็ใช้ 3-4 ชิ้น ถ้าเป็นน้ำตาลทรายแดง ก็ 2 ช้อนชา
๔.ใบหนุมานผสานกาย 5-8 ใบ
.
วิธีปรุงยา : โดยน้ำรากและต้นทองพันชั่ง ฝางเสน ใบหนุมานผสานกาย และอ้อยแดงต้มลงในน้ำเปล่า ต้มให้เหลือ 1/2 ของน้ำที่ใส่ลงไป หากว่าในการต้มไม่ได้ใส่อ้อยแดงลงไป พอต้มเสร็จ ก็ค่อยใส่ น้ำตาลทรายแดงลงไป 2-3 ช้อนชา หรือตามต้องการ รับประทานเช้าเย็นจนกว่าจะหายจากอาการช้ำใน หรือ โดยต้มจนกระทั้งฝางเสนจืด (ไม่มีสีแดง) จึงค่อยเปลี่ยนยาหม้อใหม่
.
สรรพคุณ : บำรุงเลือด แก้ช้ำใน บำรุงร่างกาย

ยา 3 ราก


ว่าด้วยเรื่องของ ยา 3 ราก
สมุนไพรตำรับหนึ่งซึ่งมีการใช้บำบัดรักษาผู้เสพ/ผู้ติดยาเสพติดตามวัด หรือการบำบัดโดยแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้าน คือ ตำรับยาสามราก ซึ่งประกอบด้วย โลดทะนงแดง พญารากเดียว(ปลาไหลเผือก) และฮางฮ่อน (พญาไฟ) ปัจจุบันมีการใช้ตำรับยาสามรากในหลายพื้นที่ โดยมีขนาดการใช้ วิธีเตรียมยา และใช้บำบัดการเสพ/ติดยาเสพติดหลากหลายชนิด โดยก่อเกิดองค์ความรู้ต่างๆ ทั้งด้านการทดลองวิทยาศาสตร์ถึงฤทธิ์และผลของการใช้ยาสามราก และองค์ความรู้เชิงสังคมของแพทย์แผนไทยและแพทย์พื้นบ้านซึ่งเป็นความรู้เฉพาะตัวบุคคล
.
.
ตัวยาเดี่ยว
โลดทะนงแดง เป็นสมุนไพรที่ใช้แก้พิษ เช่น พิษงู จากการศึกษาโลดทะนงแดง มีฤทธิ์ทำให้อาเจียน
ปลาไหลเผือก(พญารากเดียว) เป็นสมุนไพรที่มีการใช้มานาน มีฤทธิ์แก้ไข้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมาลาเลีย
พญาไฟ (ฮางฮ่อน)มีฤทธิ์ร้อนทำให้อาเจียน ขับผายลม และระบาย


ต้นพระเจ้าปลูกหลง


ตามประวัติเรื่องเล่าของคนคนโบราณ ได้กล่าวถึงประวัติของต้นพระเจ้าปลูกหลง(โลดทะนงแดง) ว่าเมื่อครั้งที่องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้แสดง ยมกะปาฏิหาริย์ที่ต้นมะม่วง แล้วขึ้นไปโปรดพระพุทธมารดา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงค์ เมื่อครบเวลาพระองค์ได้เสด็จกลับ ลงมาใน วันเทโวโรหณะ ซึ่งในครั้งนั้น พระอินทร์ ได้รับสั่งให้เทวดา นำพืชสวรรค์(โลดทะนงแดง และสมุนไพรอื่นๆ) ลงไปปลูกที่เมืองมนุษย์เพื่อ เป็นทำการถวายเป็นพุทธบูชา แด่องค์พระศาสดา หลังจากปลูกพืชสวรรค์เหล่านั้นเสร็จแล้วก็ได้กลับสู่สวรรค์ เมื่อพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ปรินิพพาน ก็ไม่มีผู้ใดจำได้ว่าเมื่อครั้งนั้น เคยมีเทวดานำพืชสวรรค์มาปลูกยังโลกมนุษย์ไว้ จึงเป็นที่มาของคำว่า พระเจ้าปลูกหลง (พระเจ้าในที่นี้คือเทวดานำมาปลูกแล้วลืม)
.
ต้องบอกก่อนว่านนี่คือตำนาน เรื่องเล่านะครับ นำมาให้ท่านผู้อ่าน อ่านเล่นเท่านั้น อย่าคิดมากนะครับ เพราะว่าเรื่องนี้ไม่ได้มีในพระไตรปิฎก

โรคผิดสำแดง


จากครั้งที่แล้ว เราได้ให้ความรู้เรื่องโรคผิดสำแดงไปแล้ว
.
และวันนี้เราจะมาให้ความรู้เกี่ยวกับตำรับ ยารักษาอาการผิดสำแดงที่พ่อเอียะ ใช้ในการรักษาผู้ป่วยอยู่เป็นประจำ
.
ซึ่งตำรับนี้ใช้รักษาอาการผิดสำแดง ที่เกิดมาจากสาเหตุต่างๆกันได้ทุกชนิด
.
ตัวยาประกอบไปด้วย
ขมิ้นต้น , โปร่งฟ้า , กรวยป่า , โสมไทย( ต้นขาไก่ ) , โลดทะนงแดง ฯ
.
โดยวิธีการใช้นั่นก็คือ
นำตัวยาทุกชนิดมาฝนกับหินลับมีด ลงในน้ำเปล่า ในปริมาณ 1/4 ของแก้ว โดยฝน กระทั่งน้ำมีสีขุ่น เหมือนน้ำแป้ง แล้วนำมาดื่ม เมื่อมีอาการ ผิดสำแดง ....

มะนาว


มะนาว
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Citrus aurantifolia (Christm.) Swingle
ชื่อสามัญ : Common lime
วงศ์ : Rutaceae
ชื่ออื่น : ส้มมะนาว มะลิว (ภาคเหนือ)
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์ : ไม้พุ่ม สูง 2-4 เมตร กิ่งอ่อนมีหนามแหลม เปลือกต้นเรียบ สีน้ำตาลปนเทา ใบ เป็นใบประกอบ ออกเรียงสลับ มีใบย่อยใบเดียว รูปไข่หรือรูปรียาว กว้าง 3-5 ซม. ยาว4-8 ซม. ปลายใบแหลม โคนใบมนมีปีกแคบๆ ขอบใบหยัก แผ่นใบมีต่อมน้ำมันกระจายอยู่ตามผิวใบ ดอก ออกเป็นช่อสั้น 5-7 ดอก หรือออกดอกเดี่ยวตามซอกใบ ที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาว กลีบดอกมี 4-5 กลีบ หลุดร่วงง่าย ผล รูปทรงกลม ผิวเรียบเกลี้ยง ผลอ่อนสีเขียวเข้ม พอแก่เป็นสีเหลือง ข้างในแบ่งเป็นห้องแบบรัศมี มีรสเปรี้ยว เมล็ดกลมรี สีขาว มี 10-15 เมล็ด
ส่วนที่ใช้ : น้ำมะนาว (น้ำคั้นจากผล) ราก ใบ ดอก ผล เมล็ด
สรรพคุณ :
น้ำมะนาว - แก้โรคลักปิดลักเปิด (เลือดออกตามไรฟัน) ทำอาหาร ขับเสมหะ ฟอกโลหิต ทำให้ผิวนุ่มนวล แก้ซาง บำรุงเสียง บำรุงโลหิต ขับระดู แก้เล็บขบ แก้ขาลาย จิบแก้ไอ ดับกลิ่นเหล้า ฆ่าพยาธิในท้อง รักษาผม ขับลม รักษาลมพิษ แก้ริดสีดวง แก้ระดูขาว แก้พิษยางน่อง แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ
ราก - กระทุ้งพิษไข้ ถอนพิษสำแดง แก้สติหลงลืม แก้ไข้ แก้ไข้กาฬ แก้ฝี แก้ปวด แก้อักเสบ ถอนพิษไข้ กลับไข้ซ้ำ
ใบ - ฟอกโลหิต แก้ตับทรุด
ดอก - แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง แก้อาการคลื่นไส้ อาเจียน (เกิดจากธาตุไม่ปกติ ) แก้ไอ ขับเสมหะ
ผล - แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อและปวดท้อง ทาแก้ผิวแห้งตกสะเก็ด แก้สิวฝ้า แก้ส้นเท้าแตก แก้ไอ รักษาแผลจากแมลงมีพิษ
เมล็ด - แก้พิษตานซาง แก้หายใจขัด แก้ไข้ขับเสมหะ แก้พิษฝีภายใน
วิธีและปริมาณที่ใช้ :
ยาแก้ไอขับเสมหะ
น้ำในผลที่โตเต็มที่ น้ำมะนาว 2-3 ช้อนแกง, เมล็ดมะนาว 10-20 เมล็ด นำน้ำมะนาวเติมเกลือเล็กน้อย จิบ จะช่วยทำให้เสมหะถูกขับออก และเสียงดี ถ้าเป็นเมล็ดมะนาวนำไปคั่วให้เหลือง บดให้ละเอียด เติมพิมเสน 2-5 เกล็ด ชงน้ำร้อนรับประทาน เป็นยาขับเสมหะ
ยาป้องกันหรือแก้โรคเลือดออกตามไรฟัน (ลักปิดลักเปิด)
ใช้น้ำจากผลที่แก่จัดไม่จำกัด เติมเกลือ น้ำตาล น้ำแข็ง ใช้เป็นเครื่องดื่ม หรือจะใส่ในอาหาร ก็ได้ผลเช่นกัน
ยาห้ามเลือด ใส่แผลสด
ใช้น้ำจากผล ครึ่งช้อนชา หรือ 1/4 ช้อนแกง แผลถูกมีดบาด เลือดไม่หยุด บีบน้ำมะนาวลงไป 3-4 หยด เลือดจะหยุด
สารเคมี :
ใบ มี Alcohols, Aldehydes, Elements, Terpenoids, Citral
ผล มี 1 - Alanine, γ - Amino butyric acid, 1 - Glutamic acid
เมล็ด มี Glyceride Oil
น้ำมันหอมระเหย มี P - Dimethyl - a - Styrene, Terpinolene

หมาก


หมาก
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Areca catechu Linn
วงศ์ : PALMAE
ชื่อสามัญ : Betel nut , Areca palm
ชื่อท้องถิ่น : หมากเมีย(ทั่วไป) หมากเมีย มะ(ซอง-ตราด) เค็ด สะลา พลา(เขมร) ปีแน(มลายู)
ลักษณะทางพฤกษ์ศาสตร์
เป็นพืชยืนต้น มีลำต้นตรง ไม่แตกกิ่งก้าน สูง 5-15 เมตร ลำต้นเดี่ยวแข็งแรง ลำต้นมีสีเขียวบริเวณ
ใกล้ส่วนยอด และเมื่ออายุมากขึ้นลำต้นจะเปลี่ยนเป็นสีเทา ใบยาวถึง 4 เมตร และมีใบฝอยหลายใบ
แต่ละใบยาวประมาณ 60-90 ซม. ดอกหมากจะขึ้นที่ซอกโคนก้านใบ ดอกรวมเป็นช่อใหญ่ ดอกมี
สีเหลืองอ่อน มีกลิ่นหอมหวานเย็น ผลมีลักษณะกลมหรือรี ผลอยู่รวมกัน 50-100 ผลใน 1 ทะลาย
ผลอ่อนสีเขียวเรียกว่าหมากดิบ เมื่อผลสุกจะเปลี่ยนเป็นสีเขียวอมเหลืองเรียกว่าหมากสง
ประโยชน์และสรรพคุณยาไทย:
ลูกอ่อน รสฝาดหวาน เจริญอาหาร ขับเสมหะ สมานแผล แก้เมา แก้อาเจียน แก้ไอเปลือกผลรสจืดหวาน
ขับลม ขับปัสสาวะ แก้ท้องอืดแน่น แก้บิด แก้ท้องเสียเมล็ด รสฝาด แก้บิดปวดเบ่ง แก้ปวดแน่นท้องฆ่าพยาธิ ขับปัสสาวะ
ความเชื่อ:
ปลูกต้นหมากไว้ประจำบ้านจะทำให้มีความอ่อนน้อมความมีน้ำใจ เพราะหมากมีการแตกใบที่สวยงามลักษณะที่มีความนิ่มนวลอ่อนไหว
นอกจากนี้ลักษณะการแตกใบของหมากยังมีลักษณะที่โดดเด่นสง่านวลชวนมองนอกจากนี้ยังมีการเปรียบเทียบหมากไว้ว่าเป็นชื่อหมาก
ชนิดหนึ่งที่ใช้รับประทานในสมัยโบราณคือหมากสงใช้ในพิธีต้อนรับแขกที่ไปมาหาสู่กัน ดังนั้นจึงแสดงถึงการมีนิสัยใจคอที่ดี มีน้ำใจงามเพื่อ
เป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นหมากไว้ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ผู้ที่ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่า
การปลูกไม้เอาประโยชน์ทั่วไปทางใบให้ปลูกในวันอังคาร

โลดทะนงแดง


โลดทะนงแดง
ชื่ออื่นๆ
ข้าวเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์); ดู่เบี้ย ดู่เตี้ย (เพชรบุรี); ทะนง รักทะนง (นครราชสีมา); ทะนงแดง (ประจวบคีรีขันธ์); นางแซง (อุบลราชธานี); โลดทะนงแดง (บุรีรัมย์);หนาดคำ (เหนือ) หัวยาเข้าเย็นเนิน ข้าวเย็นเนิน (ราชบุรี ประจวบคีรีขันธ์)
ชื่อวิทยาศาสตร์
Trigonostemon reidioides (Kurz) Craib
ชื่อพ้อง
ชื่อวงศ์
Euphorbiaceae
ลักษณะทางพฤกษศาสตร์:
ไม้พุ่มขนาดเล็ก สูงได้ถึง 1 เมตร มีรากเก็บสะสมอาหารพองโต ผิวสีแดงอมม่วง เนื้อสีขาว ลำต้นเรียวเล็ก ขึ้นเป็นกอ ทุกส่วนของต้นมีขน ลำต้นมีขนสั้นนุ่มหนาแน่น ใบเดี่ยว เรียงสลับ เนื้อใบหนา แผ่นใบรูปขอบขนาน หรือรูปขอบขนานแกมใบหอก กว้าง 2-4 เซนติเมตร ยาว 6-10 เซนติเมตร โคนใบมน มีต่อมเล็กๆ 2 ต่อม ขอบใบเรียบ ปลายใบแหลม เห็นเส้นใบย่อยเห็นชัด และมีขนนุ่มหนาแน่นบนผิวใบทั้งสองด้าน ก้านใบยาว 1-1.5 เซนติเมตร ช่อดอกแบบกระจะ ดอกสีขาว ชมพู ม่วงเข้มหรือเกือบดำ ออกเป็นช่อตามซอกใบและตามกิ่งก้าน ยาว 7-10 เซนติเมตร ดอกแยกเพศอยู่บนต้นเดียวกัน ดอกเพศผู้มีจำนวนมากกว่าอยู่บริเวณโคนช่อ มีลักษณะตูมกลม ดอกเพศผู้มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ ก้านดอกมีขน มีกลีบดอก 5 กลีบ ไม่มีขน มีเกสรเพศผู้ 6 อัน ก้านเกสรเชื่อมติดกันเป็นแท่งเดียว ดอกเพศเมียตูมรูปไข่ มีกลีบเลี้ยง 5 กลีบ มีขน จานฐานดอกล้อมรอบฐานของรังไข่ มีรังไข่เหนือวงกลีบ กลีบดอกสีขาว ผลแห้งแตกได้ รูปค่อนข้างกลม มีขนสั้นนุ่มปกคลุมหนาแน่น แบ่งเป็น 3 พูชัดเจน เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 12 มิลลิเมตร มีก้านสีแดง ยาว 3-5 เซนติเมตร เมล็ดรูปค่อนข้างกลมหรือรูปไข่แกมสามเหลี่ยม ผิวเรียบพบตามป่าเต็งรัง และป่าเบญจพรรณ ป่าดิบแล้ง ออกดอกตลอดปี
สรรพคุณ :
ยาสมุนไพรพื้นบ้านจังหวัดอุบลราชธานี ใช้ ราก เข้ายากับน้ำมะนาว ฝนกับน้ำดื่ม แก้ผิดสำแดง พิษแมงมุม ทำให้อาเจียน ถอนพิษเบื่อเมา เหง้า ฝนทา แก้สิว ฝ้า และฟกช้ำ เคล็ดบวม ราก ผสมกับพญาไฟ และปลาไหลเผือก ฝนน้ำดื่มถอนเมาเหล้า
ยาพื้นบ้าน ใช้ ราก ผสมกับเมล็ดหมาก ฝนน้ำกิน และผสมกับน้ำมะนาว ทาแผลแก้พิษงูชนิดที่ออกฤทธิ์ต่อระบบประสาท ซึ่งควรมีการวิจัยเพิ่มเติม ต้มน้ำดื่ม หรือฝนรับประทาน ทำให้อาเจียนอย่างหนัก ใช้ถอนพิษคนกินยาเบื่อยาเมา หรือฝนน้ำกินช่วยให้เลิกดื่มเหล้า
ตำรายาไทย : ใช้ ราก มีรสร้อน ฝนน้ำกินทำให้อาเจียน เพื่อถอนพิษคนกินยาเบื่อ เมาพิษเห็ดและหอย แก้พิษงู แก้เสมหะเป็นพิษ (เสมหะหรืออุจาระเป็นมูกเลือด) แก้หืด แก้วัณโรค เป็นยาระบาย ฝนเกลื่อนฝี หรือดูดหนองถ้าฝีแตก แก้ฟกช้ำ เคล็ดบวม แก้ปวดฝี คุมกำเนิด ต้มดื่ม แก้วัณโรค ฝนกับน้ำมะนาว หรือสุรา รับประทานแก้พิษงู ฝนทาแก้ฟกช้ำ เคล็ดขัดยอก