สาขาการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร
ปราชญ์ชาวบ้านสาขาการแพทย์แผนไทย และสมุนไพร
การดูแลรักษาสุขภาพของมนุษย์มีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล มนุษย์ในแต่ละสังคมต่างก็มีวิธีการดูแลสุขภาพและรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยวิธีการต่าง ๆ ออกไป ทั้งนี้ขึ้นกับบริบทของชุมชน ระบบความเชื่อ สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ที่มีลักษณะเฉพาะถิ่น สภาพสังคมในปัจจุบันที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและระบบการแพทย์ กระแสหลักทำให้ประชาชนทั้ง ในเมืองและชนบทมีการพึ่งพิงระบบการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบการแพทย์กระแสหลักเป็นส่วนใหญ่ จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีลักษณะความหลากหลายทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะลักษณะวัฒนธรรมไทย-เขมร ที่มีการดูแลสุขภาพที่แตกต่างไปจากท้องถิ่นอื่น ซึ่งเป็นที่น่าสนใจและควรที่จะได้มีการศึกษารวบรวมองค์ความรู้อันเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ไว้เพราะนับวันภูมิปัญญาเหล่านี้จะลดน้อยลงไปทุกขณะ
ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาและรวบรวมภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านการดูแลสุขภาพในเบื้องต้นต่อไป
ชื่อ-สกุล นายชอย สุขพินิจ เกิดเมื่อวันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481
ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๘๓ หมู่ ๖ บ้านโคกพยูง ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ สมรสกับนางเอือย สุขพินิจ มีบุตรธิดา ๖ คน ปัจจุบันมีอาชีพ
ทำนาและช่วยรักษาผู้เจ็บป่วย
วิธีการเรียนรู้ของภูมิปัญญาและแรงบันดาลใจที่มาเป็นหมอพื้นบ้าน
วิธีการเรียนรู้ภูมิปัญญาและแรงบันดาลใจของนายชอย สุขพินิจ สามารถสรุปได้ดังนี้
๑. มีตาและพ่อเป็นหมอพื้นบ้าน มีความสนใจตั้งแต่เด็กเนื่องจากเมื่ออายุ ๘ ปี ขาหักเพราะตกจากต้นหมาก ตารักษาให้ด้วยการเป่าและดามไม้ไว้ จึงเห็นความสำคัญของการรักษา จากการได้อยู่ใกล้ชิดกับตาด้วย จึงได้สนใจและเรียนวิชาการรักษาจากตาและพ่อซึ่งเป็นหมอพื้นบ้าน
๒. ได้พบตำราการแพทย์ในขณะที่บวชเป็นพระ นายชอย สุขพินิจ ได้ศึกษาตำราขอมที่มีเนื้อหาทางด้านการแพทย์ การรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น เด็กเป็นซาง รวมทั้งการทำพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การทำเสน่ห์ การทำไสยศาสตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงได้ศึกษาจากตำราเหล่านี้ แต่ไม่ได้ประกอบพิธีกรรมใด ๆ เพราะว่าพรรษายังน้อย มีความเชื่อว่า ต้องมีอายุพรรษา ๑๐ พรรษาขึ้นไปจึงจะสามารถประกอบพิธีกรรมได้ เช่นการทำพิธีสวดปัดเสนียดจัญไร โกนจุก ฯลฯ
๓. มีชาวบ้านที่เดือดร้อนมาขอร้องให้ช่วยรักษา โดยเริ่มการรักษาครั้งแรก ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี โดยรักษาผู้ที่ถูกเงี่ยงปลาดุกตำ ถูกตะขาบ แมงป่องต่อย

เป็นประธานในพิธีไหว้ครูบูชาหมอพื้นบ้าน ปี พ.ศ. ๒๕๒๒
แนวความคิด
นายชอย สุขพินิจ มีแนวคิดในการดำรงชีวิตโดยใช้หลักธรรมะ มีการดำรงชีวิตอย่างสมถะ ยึดหลักการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงเป็นตัวอย่างในชุมชน ปฏิบัติธรรมในเรื่องการให้ทานและเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด โดยบอกว่า “สงสารผู้เจ็บป่วย เขามาหาก็ต้องช่วยเขา ต้องมีความเมตตา” เป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อมีงานในหมู่บ้านนายชอย สุขพินิจ จะให้การช่วยเหลือตลอด ชาวบ้านบอกว่าในพื้นที่ตำบลแนงมุดและตำบลใกล้เคียงอีก ๓ ตำบล ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นครูในการประกอบพิธีกรรม ต่าง ๆ
ความสามารถเฉพาะ
นายชอย สุขพินิจ มีความสามารถในการรักษาการเจ็บป่วยโดยเฉพาะโรคพื้นบ้าน รวมทั้งการรักษาโรคเบาหวาน กระดูกหัก งูสวัด ซางในเด็ก ฝีมีหัว ไอเรื้อรัง มะเร็ง ฯลฯ รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรพื้นบ้านจนกระทั่งได้รับสมญานามว่าเป็น “สารานุกรมสมุนไพรเคลื่อนที่” จากนักวิชาการด้านพฤกษศาสตร์ มีความสามารถพิเศษในการอ่านและเขียนภาษาขอม


ตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านของนายชอย สุขพินิจ
สมุนไพรที่ใช้ประกอบการรักษา
สิ่งที่ภูมิปัญญาพื้นบ้านใช้ในกระบวนการรักษา คือ สมุนไพร ซึ่งมีทั้งพืชวัตถุ สัตว์วัตถุและธาตุวัตถุ ดังเช่น
งูสวัด ใช้เวือรตะเอิ๊ก (เถาสะอึก) ต้มดื่ม นำเปลือกต้นเพกา ฝนกับเหง้าขมิ้นอ้อย หรือเหง้าขมิ้นชัน ฝนจนยาข้นใช้สำลีชุบตัวยาทาแผล และใช้มนต์คาถาเป่าบริเวณที่เป็น
โรคเบาหวาน ใช้ต้นหรือรากขันทองพยาบาท ข้าวเย็นเหนือหรือข้าวเย็นใต้ หัวร้อยรู เหงือกปลาหมอ ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด
ซางตานขโมยในเด็ก ใช้ ทองกวาวเครือ สีเสียดก้อน
ฝีมีหัว ใช้เปลือกและฝักนุ่น ใบสับปะรดส่วนที่ติดกับโคน ใบเถาคันขาว
โรคมะเร็ง ใช้สมุนไพรต้มดื่ม คือ ไม้ไผ่บ้าน (ไผ่สีสุก) ไม้ไผ่ป่า 7 ข้อ เคล็มอังกอล (ภาษาเขมร) แก่นแสมสาร ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ หัวหญ้าแห้วหมู เปลือกมะค่าโมง เปลือกคัดลิ้น เปลือกตั้งบี้ มะพร้าวแก่ ของแสลง ห้ามกิน ได้แก่ ปลามีเกล็ด ของหมักดอง สมุนไพรทา
ดีคางคก เม็ดสะบ้า หางนกยูง (สัตว์วัตถุ) หัวเต่าเพ็ก (สัตว์วัตถุ) ต้นสะบ้า สมุนไพรบ้วนปาก ยอดอ่อนใบฝรั่ง เกลือเม็ด ๓ เม็ด เปลือกต้นมะขาม
อาการไอเรื้อรัง ใช้สมุนไพรต้มดื่ม แก่นสน ต้นปีบ (กาสะลอง) เลา ย่านาง

ร่วมเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นบ้าน
วิธีการถ่ายทอดองค์ความรู้
นายชอย สุขพินิจ ได้อธิบายว่ามีผู้มาขอเป็นศิษย์ ประมาณ ๕-๖ คน นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุตรชายคนสุดท้องด้วยเพราะต้องการให้นำความรู้ไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป การถ่ายทอดองค์ความรู้ในการรักษาจะเลือกผู้เป็นลูกศิษย์โดยพิจารณาจาก
ประวัติและพฤติกรรมความมีคุณธรรม เสียสละ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จากนั้นก็จะให้นำขันธ์ ๕ ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมเงิน ๑๒ บาท มาขอมอบตัวเป็นศิษย์ จากนั้นก็จะถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยการบอกเล่าและให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาเป็นช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีความสามารถแล้วก็จะบอกให้ไปรักษาผู้เจ็บป่วยได้ และเมื่อมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถมาปรึกษาครูได้ตลอดเวลา

รับรางวัลเชิดชูเกียรติหมอพื้นบ้านจาก ศ.นพ.ประเวศ วะสี
สิ่งที่ทำให้ภูมิปัญญายังคงอยู่
ในมุมมองของหมอพื้นบ้านเห็นว่าการที่ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านยังคงอยู่เนื่องจากมีปัจจัยต่าง ๆ เช่น
๑. การที่หมอพื้นบ้านที่มีความเสียสละ มีคุณธรรมและยินดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดย ไม่หวังผลตอบแทนเพราะไม่มีการเรียกร้องค่ารักษาก่อให้เกิดศรัทธา
๒. ประชาชนในชุมชนยังมีความเชื่อในการรักษาแบบพื้นบ้าน อีกทั้งการได้เห็น
ประสิทธิภาพในการรักษาช่วยให้หายจากการเจ็บป่วย
๓. ความเชื่อถือในความสามารถของหมอพื้นบ้านที่ได้สะสมองค์ความรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน
๔. การมีป่าสำหรับการหาสมุนไพรเพื่อนำมาใช้ในการรักษา
๕. การที่หมอพื้นบ้านมีความสามารถในด้านพิธีกรรมร่วมด้วย เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมทั้งการใช้มนต์คาถาช่วยการสร้างขวัญกำลังใจและการรักษา
ผลงานที่ผ่านมา
นายชอย สุขพินิจ มีความเชี่ยวชาญในด้านการรักษาและให้การรักษาผู้เจ็บป่วยเป็นประจำ คือ การรักษากระดูกหัก งูสวัด เบาหวาน มะเร็ง ฝีมีหัว ซางตานขโมยในเด็ก เป่าเด็กร้องไห้ไม่หยุด เป็นหมอสะเดาะเคราะห์/พิธีขึ้นบ้านใหม่ /พิธีแต่งงาน
ผลงานด้านอื่น ๆ
นอกจากบทบาทการเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว นายชอย สุขพินิจ ยังมีความสามารถ ในด้านอื่น ๆ เช่น
๑. เป็นผู้นำทางด้านพิธีกรรมในชุมชน
๒. เป็นหมอสะเดาะเคราะห์
๓. เป็นวิทยากรสอนเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนประชาสามัคคี ตำบลแนงมุด
๔. ครูผู้สอนการอ่านและเขียนภาษาขอมให้กับเด็กนักเรียน โดยนายชอย บอกว่า
ต้องการสอนให้เด็ก ๆ มีความรู้และสามารถนำไปใช้ได้

เป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
เกียรติคุณที่ได้รับ
๑. เชิดชูเกียรติ “ครูผู้มีอุปการะคุณด้านการแพทย์แผนไทย” จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์
๒. เป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์พื้นบ้านของกระทรวงสาธารณสุข
๓. เป็นหมอพื้นบ้านที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้สมุนไพร
๔. ที่ปรึกษาทางด้านสมุนไพรและแพทย์แผนไทยของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์
Cr. http://www.surinpao.org/index.php?action=read&mod=menu&Id=53#.Vdn1AvntlBd
การดูแลรักษาสุขภาพของมนุษย์มีมาตั้งแต่สมัยอดีตกาล มนุษย์ในแต่ละสังคมต่างก็มีวิธีการดูแลสุขภาพและรักษาอาการเจ็บป่วยด้วยวิธีการต่าง ๆ ออกไป ทั้งนี้ขึ้นกับบริบทของชุมชน ระบบความเชื่อ สภาพแวดล้อมตามธรรมชาติ ที่มีลักษณะเฉพาะถิ่น สภาพสังคมในปัจจุบันที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีและระบบการแพทย์ กระแสหลักทำให้ประชาชนทั้ง ในเมืองและชนบทมีการพึ่งพิงระบบการแพทย์แผนปัจจุบัน ซึ่งเป็นระบบการแพทย์กระแสหลักเป็นส่วนใหญ่ จังหวัดสุรินทร์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีลักษณะความหลากหลายทางวัฒนธรรมโดยเฉพาะลักษณะวัฒนธรรมไทย-เขมร ที่มีการดูแลสุขภาพที่แตกต่างไปจากท้องถิ่นอื่น ซึ่งเป็นที่น่าสนใจและควรที่จะได้มีการศึกษารวบรวมองค์ความรู้อันเป็นภูมิปัญญาพื้นบ้านที่ทรงคุณค่าเหล่านี้ไว้เพราะนับวันภูมิปัญญาเหล่านี้จะลดน้อยลงไปทุกขณะ
ดังนั้นจึงได้มีการศึกษาและรวบรวมภูมิปัญญาพื้นบ้านด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร เพื่อเป็นแนวทางในการอนุรักษ์และนำไปประยุกต์ใช้เพื่อให้ชุมชนมีความสามารถในการพึ่งพาตนเองด้านการดูแลสุขภาพในเบื้องต้นต่อไป
นายชอย สุขพินิจ ปราชญ์ชาวบ้านด้าน การแพทย์แผนไทย

ประวัติส่วนตัวชื่อ-สกุล นายชอย สุขพินิจ เกิดเมื่อวันที่ 10 เดือนพฤศจิกายน พ.ศ. 2481
ปัจจุบันอยู่บ้านเลขที่ ๘๓ หมู่ ๖ บ้านโคกพยูง ตำบลแนงมุด อำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์
จบการศึกษาชั้นประถมปีที่ ๔ สมรสกับนางเอือย สุขพินิจ มีบุตรธิดา ๖ คน ปัจจุบันมีอาชีพ
ทำนาและช่วยรักษาผู้เจ็บป่วย
วิธีการเรียนรู้ของภูมิปัญญาและแรงบันดาลใจที่มาเป็นหมอพื้นบ้าน
วิธีการเรียนรู้ภูมิปัญญาและแรงบันดาลใจของนายชอย สุขพินิจ สามารถสรุปได้ดังนี้
๑. มีตาและพ่อเป็นหมอพื้นบ้าน มีความสนใจตั้งแต่เด็กเนื่องจากเมื่ออายุ ๘ ปี ขาหักเพราะตกจากต้นหมาก ตารักษาให้ด้วยการเป่าและดามไม้ไว้ จึงเห็นความสำคัญของการรักษา จากการได้อยู่ใกล้ชิดกับตาด้วย จึงได้สนใจและเรียนวิชาการรักษาจากตาและพ่อซึ่งเป็นหมอพื้นบ้าน
๒. ได้พบตำราการแพทย์ในขณะที่บวชเป็นพระ นายชอย สุขพินิจ ได้ศึกษาตำราขอมที่มีเนื้อหาทางด้านการแพทย์ การรักษาอาการเจ็บป่วยต่าง ๆ เช่น เด็กเป็นซาง รวมทั้งการทำพิธีกรรมต่าง ๆ เช่น การทำเสน่ห์ การทำไสยศาสตร์ และอื่น ๆ อีกมากมาย จึงได้ศึกษาจากตำราเหล่านี้ แต่ไม่ได้ประกอบพิธีกรรมใด ๆ เพราะว่าพรรษายังน้อย มีความเชื่อว่า ต้องมีอายุพรรษา ๑๐ พรรษาขึ้นไปจึงจะสามารถประกอบพิธีกรรมได้ เช่นการทำพิธีสวดปัดเสนียดจัญไร โกนจุก ฯลฯ
๓. มีชาวบ้านที่เดือดร้อนมาขอร้องให้ช่วยรักษา โดยเริ่มการรักษาครั้งแรก ตั้งแต่อายุ ๑๖ ปี โดยรักษาผู้ที่ถูกเงี่ยงปลาดุกตำ ถูกตะขาบ แมงป่องต่อย
เป็นประธานในพิธีไหว้ครูบูชาหมอพื้นบ้าน ปี พ.ศ. ๒๕๒๒
นายชอย สุขพินิจ มีแนวคิดในการดำรงชีวิตโดยใช้หลักธรรมะ มีการดำรงชีวิตอย่างสมถะ ยึดหลักการดำรงชีวิตอย่างพอเพียงเป็นตัวอย่างในชุมชน ปฏิบัติธรรมในเรื่องการให้ทานและเสียสละช่วยเหลือผู้อื่นมาโดยตลอด โดยบอกว่า “สงสารผู้เจ็บป่วย เขามาหาก็ต้องช่วยเขา ต้องมีความเมตตา” เป็นที่เคารพของคนในหมู่บ้าน เนื่องจากเป็นผู้ที่มีจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่น เมื่อมีงานในหมู่บ้านนายชอย สุขพินิจ จะให้การช่วยเหลือตลอด ชาวบ้านบอกว่าในพื้นที่ตำบลแนงมุดและตำบลใกล้เคียงอีก ๓ ตำบล ชาวบ้านให้ความเคารพนับถือเป็นครูในการประกอบพิธีกรรม ต่าง ๆ
ความสามารถเฉพาะ
นายชอย สุขพินิจ มีความสามารถในการรักษาการเจ็บป่วยโดยเฉพาะโรคพื้นบ้าน รวมทั้งการรักษาโรคเบาหวาน กระดูกหัก งูสวัด ซางในเด็ก ฝีมีหัว ไอเรื้อรัง มะเร็ง ฯลฯ รวมทั้งมีความเชี่ยวชาญในด้านสมุนไพรพื้นบ้านจนกระทั่งได้รับสมญานามว่าเป็น “สารานุกรมสมุนไพรเคลื่อนที่” จากนักวิชาการด้านพฤกษศาสตร์ มีความสามารถพิเศษในการอ่านและเขียนภาษาขอม
ตำรับยาสมุนไพรพื้นบ้านของนายชอย สุขพินิจ
สมุนไพรที่ใช้ประกอบการรักษา
สิ่งที่ภูมิปัญญาพื้นบ้านใช้ในกระบวนการรักษา คือ สมุนไพร ซึ่งมีทั้งพืชวัตถุ สัตว์วัตถุและธาตุวัตถุ ดังเช่น
งูสวัด ใช้เวือรตะเอิ๊ก (เถาสะอึก) ต้มดื่ม นำเปลือกต้นเพกา ฝนกับเหง้าขมิ้นอ้อย หรือเหง้าขมิ้นชัน ฝนจนยาข้นใช้สำลีชุบตัวยาทาแผล และใช้มนต์คาถาเป่าบริเวณที่เป็น
โรคเบาหวาน ใช้ต้นหรือรากขันทองพยาบาท ข้าวเย็นเหนือหรือข้าวเย็นใต้ หัวร้อยรู เหงือกปลาหมอ ฟ้าทะลายโจร บอระเพ็ด
ซางตานขโมยในเด็ก ใช้ ทองกวาวเครือ สีเสียดก้อน
ฝีมีหัว ใช้เปลือกและฝักนุ่น ใบสับปะรดส่วนที่ติดกับโคน ใบเถาคันขาว
โรคมะเร็ง ใช้สมุนไพรต้มดื่ม คือ ไม้ไผ่บ้าน (ไผ่สีสุก) ไม้ไผ่ป่า 7 ข้อ เคล็มอังกอล (ภาษาเขมร) แก่นแสมสาร ข้าวเย็นเหนือ ข้าวเย็นใต้ หัวหญ้าแห้วหมู เปลือกมะค่าโมง เปลือกคัดลิ้น เปลือกตั้งบี้ มะพร้าวแก่ ของแสลง ห้ามกิน ได้แก่ ปลามีเกล็ด ของหมักดอง สมุนไพรทา
ดีคางคก เม็ดสะบ้า หางนกยูง (สัตว์วัตถุ) หัวเต่าเพ็ก (สัตว์วัตถุ) ต้นสะบ้า สมุนไพรบ้วนปาก ยอดอ่อนใบฝรั่ง เกลือเม็ด ๓ เม็ด เปลือกต้นมะขาม
อาการไอเรื้อรัง ใช้สมุนไพรต้มดื่ม แก่นสน ต้นปีบ (กาสะลอง) เลา ย่านาง
ร่วมเป็นวิทยากรแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องสมุนไพรพื้นบ้าน
นายชอย สุขพินิจ ได้อธิบายว่ามีผู้มาขอเป็นศิษย์ ประมาณ ๕-๖ คน นอกจากนี้ ยังได้ถ่ายทอดองค์ความรู้ให้กับบุตรชายคนสุดท้องด้วยเพราะต้องการให้นำความรู้ไปใช้ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ต่อไป การถ่ายทอดองค์ความรู้ในการรักษาจะเลือกผู้เป็นลูกศิษย์โดยพิจารณาจาก
ประวัติและพฤติกรรมความมีคุณธรรม เสียสละ ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ จากนั้นก็จะให้นำขันธ์ ๕ ดอกไม้ธูปเทียนพร้อมเงิน ๑๒ บาท มาขอมอบตัวเป็นศิษย์ จากนั้นก็จะถ่ายทอดองค์ความรู้ด้วยการบอกเล่าและให้เข้ามามีส่วนร่วมในการรักษาเป็นช่วงเวลาหนึ่ง เมื่อเห็นว่ามีความสามารถแล้วก็จะบอกให้ไปรักษาผู้เจ็บป่วยได้ และเมื่อมีข้อสงสัยใด ๆ สามารถมาปรึกษาครูได้ตลอดเวลา
รับรางวัลเชิดชูเกียรติหมอพื้นบ้านจาก ศ.นพ.ประเวศ วะสี
สิ่งที่ทำให้ภูมิปัญญายังคงอยู่
ในมุมมองของหมอพื้นบ้านเห็นว่าการที่ภูมิปัญญาหมอพื้นบ้านยังคงอยู่เนื่องจากมีปัจจัยต่าง ๆ เช่น
๑. การที่หมอพื้นบ้านที่มีความเสียสละ มีคุณธรรมและยินดีช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์โดย ไม่หวังผลตอบแทนเพราะไม่มีการเรียกร้องค่ารักษาก่อให้เกิดศรัทธา
๒. ประชาชนในชุมชนยังมีความเชื่อในการรักษาแบบพื้นบ้าน อีกทั้งการได้เห็น
ประสิทธิภาพในการรักษาช่วยให้หายจากการเจ็บป่วย
๓. ความเชื่อถือในความสามารถของหมอพื้นบ้านที่ได้สะสมองค์ความรู้มาเป็นระยะเวลายาวนาน
๔. การมีป่าสำหรับการหาสมุนไพรเพื่อนำมาใช้ในการรักษา
๕. การที่หมอพื้นบ้านมีความสามารถในด้านพิธีกรรมร่วมด้วย เป็นการเพิ่มความเชื่อมั่นมากขึ้น รวมทั้งการใช้มนต์คาถาช่วยการสร้างขวัญกำลังใจและการรักษา
ผลงานที่ผ่านมา
นายชอย สุขพินิจ มีความเชี่ยวชาญในด้านการรักษาและให้การรักษาผู้เจ็บป่วยเป็นประจำ คือ การรักษากระดูกหัก งูสวัด เบาหวาน มะเร็ง ฝีมีหัว ซางตานขโมยในเด็ก เป่าเด็กร้องไห้ไม่หยุด เป็นหมอสะเดาะเคราะห์/พิธีขึ้นบ้านใหม่ /พิธีแต่งงาน
ผลงานด้านอื่น ๆ
นอกจากบทบาทการเป็นหมอพื้นบ้านแล้ว นายชอย สุขพินิจ ยังมีความสามารถ ในด้านอื่น ๆ เช่น
๑. เป็นผู้นำทางด้านพิธีกรรมในชุมชน
๒. เป็นหมอสะเดาะเคราะห์
๓. เป็นวิทยากรสอนเนื้อหาเกี่ยวกับเรื่องสมุนไพรให้กับเด็กนักเรียนโรงเรียนประชาสามัคคี ตำบลแนงมุด
๔. ครูผู้สอนการอ่านและเขียนภาษาขอมให้กับเด็กนักเรียน โดยนายชอย บอกว่า
ต้องการสอนให้เด็ก ๆ มีความรู้และสามารถนำไปใช้ได้
เป็นผู้นำในการประกอบพิธีกรรมต่าง ๆ
๑. เชิดชูเกียรติ “ครูผู้มีอุปการะคุณด้านการแพทย์แผนไทย” จากสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์
๒. เป็นคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิด้านการแพทย์พื้นบ้านของกระทรวงสาธารณสุข
๓. เป็นหมอพื้นบ้านที่มีความเชี่ยวชาญในด้านการใช้สมุนไพร
๔. ที่ปรึกษาทางด้านสมุนไพรและแพทย์แผนไทยของสำนักงานสาธารณสุขจังหวัดสุรินทร์
Cr. http://www.surinpao.org/index.php?action=read&mod=menu&Id=53#.Vdn1AvntlBd
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น